สรุปข่าวฟุตบอลโลก การแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 เดือดสุดขีด! หลายทีมใหญ่ในยุโรปโชว์ฟอร์มแกร่ง ส่วนบางทีมเจอปัญหาบาดเจ็บนักเตะตัวหลัก ด้านเอเชียก็มีผลลัพธ์สำคัญที่ส่งผลต่อเส้นทางสู่เวทีโลก มาดู “สรุปข่าวฟุตบอลโลก” ล่าสุดประจำวันนี้จาก UFAX5 กันเลย
เออร์ลิง ฮาแลนด์ ยอดดาวยิงทีมชาตินอร์เวย์ สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการลูกหนังโลกอีกครั้ง หลังระเบิดฟอร์มสุดโหดทำแฮตทริกช่วยให้ทีมชาติ “ไวกิ้ง” ถล่ม อิสราเอล 5-0 ในศึกฟุตบอลกระชับมิตรเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
แม้เจ้าตัวจะยิงจุดโทษพลาดถึง 2 ครั้งในเกมเดียว แต่สุดท้ายก็ยังซัดสามประตูพาทีมคว้าชัยขาดลอยได้สำเร็จ ส่งผลให้ฮาแลนด์ทำประตูกับทีมชาตินอร์เวย์ไปแล้วถึง 51 ประตูจากการลงสนามเพียง 46 นัด กลายเป็นนักเตะที่ยิงถึงหลัก 50 ประตูให้ทีมชาติได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยสถิติของ “ฮาแลนด์” ทิ้งห่างเหล่ายอดดาวยิงระดับตำนานของโลกอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับจำนวนเกมที่ใช้ในการยิงถึง 50 ประตู ดังนี้
สถิติอันสุดเหลือเชื่อครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความร้อนแรงของ “เครื่องจักรถล่มประตูแห่งแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน” ผู้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่อันตรายที่สุดในยุคปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะทำลายสถิติระดับโลกอีกมากมายในอนาคต
ทีมชาติสเปน ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่มอี ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ จอร์เจีย ไปได้ 2-0 โดยได้ประตูจาก เยเรมี่ ปีโน่ และ มิเกล โอยาร์ซาบาล ทำให้เก็บ 9 แต้มเต็มจาก 3 นัดแรก
ครึ่งแรกเล่นไปได้เพียง 23 นาที สเปน ก็ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เปดรี้ เปิดบอลเข้าเขตโทษด้านขวาไปถึง โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ ก่อนจะแตะบอลต่อให้ เยเรมี่ ปีโน่ ยิงจ่อๆ ผ่านมือ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ นายทวารทีมเยือนเข้าประตูไป
หลังจากนั้นอีก 6 นาที สเปน เกือบได้ประตูที่สอง หลังได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ มามาร์ดาชวิลี่ ออกมาทำฟาวล์ เฟร์ราน ตอร์เรส ล้มลงไป แต่กองหน้าจาก บาร์เซโลน่า ลุกขึ้นมาสังหารพลาด มามาร์ดาชวิลี่ ไม่หลงทางพุ่งปัดเอาไว้ได้ แก้ตัวได้สำเร็จ ทำให้ จอร์เจีย รอดพ้นการเสียประตูที่สองไปอย่างหวุดหวิด
เกมเป็นของ สเปน อย่างต่อเนื่อง และเกือบจะได้ประตูที่สองอีกหลายครั้ง จนกระทั่งท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 44 ทีมกระทิงดุก็พลาดโอกาสทองไปอีกครั้ง เมื่อ มิเกล โอยาร์ซาบาล จ่ายให้ มิเกล เมริโน่ ที่อยู่กลางประตู ก่อนที่กองกลางจาก อาร์เซน่อล จะได้ทักษะดึงจังหวะหลอกแล้วซัดด้วยซ้าย แต่บอลกลับข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น ทำให้จบครึ่งแรก สเปน นำอยู่ 1-0
ครึ่งหลัง สเปน ยังเป็นฝ่ายบุกได้มากกว่า นาทีที่ 53 ก็เกือบได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ เปโดร ปอร์โร่ ที่แย่งบอลมาได้ลองยิงแบบปั่นโค้งด้วยเท้าซ้าย แต่บอลพุ่งโค้งชนเสาอย่างจัง กระดอนกลับมาให้ โอยาร์ซาบาล ได้ตามซ้ำแต่ก็ยังไปชนเสาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 64 สเปน มาได้ฟรีคิกหน้าประตู ปอร์โร่ วิ่งข้ามบอลหลอกให้ มิเกล โอยาร์ซาบาล วิ่งมายิงด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลทะลุกำแพงเสียบใต้คานเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้ สเปน หนีห่างเป็น 2-0
ช่วงท้ายเกม นาทีที่ 88 เฟร์ราน ตอร์เรส ได้โอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อพาบอลหลุดเข้าเขตโทษทางขวา แต่ยิงได้ไม่คมพอ มามาร์ดาชวิลี่ ยังล้มตัวปัดไว้ได้ปลายมือ ทำให้จบเกม สเปน เอาชนะ จอร์เจีย ไป 2-0 เก็บ 9 แต้มเต็มจาก 3 นัดแรก นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มอี ส่วน จอร์เจีย มีแค่ 3 คะแนน รั้งอยู่อันดับ 3 โดยโปรแกรมนัดต่อไป สเปน จะเปิดบ้านรับมือ บัลแกเรีย ส่วน จอร์เจีย จะออกไปเยือน ตุรกี ในวันอังคารที่ 14 ตุลาคม
นอร์เวย์ ชนะ อิสราเอล 5-0 ซิว 18 แต้มเต็มจาก 6 เกมทิ้งห่าง อิตาลี อันดับสองของกลุ่ม ไอ 9 คะแนนแต่ทัพ “อัซซูรี่” แข่งน้อยกว่าและมีคิวเตะคืนนี้หากไม่ชนะจะส่ง นอร์เวย์ การันตีไปเวิลด์คัพ 2026 เนื่องผลต่างประตูที่ดีกว่า
อดีตแข้งฝรั่งเศสตำหนิ “เอ็มบัปเป้” หลังถอนตัวเกมทีมชาติฝรั่งเศส แต่ดันลงสนามให้ เรอัล มาดริด ได้
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม เอฟ ที่สนาม เอสตาดิโอ โชเซ่ อัลวาลาเด้ เมื่อคืนวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ทีมชาติ “โปรตุเกส” เปิดบ้านพบกับทีมชาติ “ไอร์แลนด์”
เริ่มเกม “ฝอยทอง” เปิดฉากบุกใส่ทันที นาทีที่ 15 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้บอลหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนสับไกหักข้อ บอลผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ไปแล้วแต่ชนเสานอกอย่างน่าเสียดาย แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตามซ้ำแต่ยิงหลุดกรอบ
นาทีที่ 20 วิตินญ่า จ่ายให้ รูเบน เนเวส ซัดไกลด้วยขวาแต่บอลยังโด่งข้ามคาน อีก 5 นาทีต่อมา เจย์สัน โมลุมบี้ ของทีมเยือนลองส่องจากนอกเขตแต่ก็ยังเชิดข้ามคานเช่นกัน
โปรตุเกสบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 30 รูเบน เนเวส เปิดเข้าหัว โรนัลโด้ โขกเฉี่ยวเสาสองออกไป ขณะที่ เปโดร เนโต้ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ต่างมีโอกาสลุ้นแต่ยังติดแนวรับ “ยักษ์เขียว” ที่ช่วยกันบล็อกได้ดี
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 41 บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดเตะมุมฝั่งซ้ายให้ กอนซาโล่ อิกนาซิโอ โขกจ่อๆ แต่เคลเลเฮอร์ยังปัดออกได้หวุดหวิด อีก 3 นาทีต่อมา บรูโน่ได้ยิงไกลอีกครั้งแต่บอลตรงตัวนายทวารทีมเยือน จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 โปรตุเกสบุกหนักอีกครั้ง จากจังหวะชุลมุนหน้าประตู บรูโน่จ่ายให้โรนัลโด้หลอกหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยซ้าย แต่บอลหลุดกรอบไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 60 วิตินญ่า ลองส่องไกลอีกหน แต่ยังไม่ผ่านมือเคลเลเฮอร์ จากนั้นนาทีที่ 70 เนลสัน เซเมโด้ เปิดจากขวาให้โรนัลโด้ยิงด้วยขวาแต่บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไป
นาทีที่ 72 โปรตุเกสเกือบได้จุดเปลี่ยนของเกม เมื่อ ฟรานซิสโก้ ตรินเกา ซัดบอลไปโดนแขน ดารา โอเช ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที โรนัลโด้รับหน้าที่สังหารแต่ยิงไปกลางประตู เคลเลเฮอร์เดาทางผิดแต่ยังใช้ขาสกัดได้อย่างเหลือเชื่อ
เกมทำท่าจะจบแบบไร้สกอร์ แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ตรินเกา เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ และเป็น รูเบน เนเวส สอดเข้ามาโขกผ่านเคลเลเฮอร์ตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด พา “ฝอยทอง” ขึ้นนำ 1-0
จบเกม โปรตุเกสเฉือนชนะไอร์แลนด์ 1-0 เก็บ 9 คะแนนเต็มจาก 3 นัดแรก รั้งจ่าฝูงกลุ่ม เอฟ ขณะที่ “ยักษ์เขียว” มีเพียง 1 คะแนน รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม
💬 ติดตาม “ข่าวฟุตบอลโลก 2026” ทุกวัน
อัปเดตทุกคู่ ทุกประเด็น พร้อมบทวิเคราะห์ก่อนเกม
💥 เว็บพนันครบวงจร ⚽
🎰 สล็อต คาสิโน กีฬา จัดเต็มทุกประเภท
📲 สมัครเลย >> สมัครสมาชิก UFAX5
